วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

ลักษณะของดนตรีjazz

ลักษณะของดนตรีjazz

 ดนตรีแจ๊สมีลักษณะแตกต่างกันไปหลายประเภท  เช่นเดียวกับดนตรีในศตวรรษที่  20  ซึ่งมีหลายรูปแบบดังกล่าวแล้ว  เป็นการยากที่จะกล่าวถึงลักษณะดนตรีแจ๊สให้ครบถ้วนเนื่องจากดนตรีแจ๊สมีหลายประเภท  สิ่งที่กล่าวต่อไปนี้เป็นเพียงลักษณะทั่ว ๆ ไปของดนตรีแจ๊ส  ในช่วง  ค.ศ.  1900 - 1950
       1.  สีสัน  ดนตรีแจ๊สมักบรรเลงด้วยวงขนาดเล็กประมาณ 3 - 8 คน  ที่เรียกว่าวงคอมโบหรือวงลักษณะใหญ่ขึ้นมาที่เรียกว่าบิกแบนด์  ซึ่งใช้นักดนตรีประมาณ  10 - 20  คนโครงสร้างสำคัญของการบรรเลงคือเครื่องทำจังหวะ  ซึ่งจะเล่นจังหวะในลักษณะเดียวกัน  บาสโซคอนตินิวโอ ของเพลงยุคบาโรค  ในส่วนนี้มักบรรเลงด้วยเปียโน  เบส  และครื่องสี  บางครั้งอาจมี บันโจ  หรือกีตาร์ด้วยเครื่องทำจังหวะเหล่านี้ช่วยทำให้การประสานเสียงน่าสนใจขึ้นด้วย  ดนตรีแจ๊สยุคใหม่มักจะมีผู้บรรเลงเครื่องทำจังหวะที่ใช้เครื่องดนตรีนานาชนิด  รวมทั้งมาใช้มือทำให้เกิดเสียงต่าง ๆ ด้วย  เครื่องดำเนินทำนองหรือเครื่องดนตรีที่ใช้แสดงความสามารถของผู้บรรเลงดนตรี  มักประกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมไม้และเครื่องลมทองเหลือง  ได้แก่  คอร์เนท  ทรัมเปท  แซกโซโฟน   โซปราโน  อัลโต  เทเนอร์  บาริโทน  คลาริเนท  ไวบราโฟน  และเปียโน  นอกจากนี้ยังใช้  มูท  ทำให้ได้สีสันของเสียงต่าง ๆ ออกไปอีก  แนวการบรรเลงเครื่องดนตรีเหล่านี้ของผู้บรรเลงแต่ละคนมักจะได้สีสันเฉพาะตัว  ยังให้ผู้ฟังเพลงประเภทแจ๊สทราบว่า  เพลงที่ฟังนั้นมีใครเป็นผู้บรรเลง  ซึ่งจะต่างไปจากดนตรีคลาสสิกที่ผู้บรรเลงพยายามบรรเลงให้ตรงตามความต้องการของผู้ประพันธ์เพลงหรือโน้ตที่ปรากฏอยู่  
        2.  การสร้างสรรค์แบบอิมโพรไวเซชัน  ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของดนตรีแจ๊สคือการสร้างสรรค์แบบอิมโพรไวเซชัน  คือการคิดท่วงทำนอง  จังหวะ  หรือการประสานเสียงในขณะบรรเลง  อย่างไรก็ตาม  ดนตรีแจ๊สมิได้เกิดขึ้นโดยการสร้างสรรค์แบบอิมโพรไวเซชันทั้งหมด  ส่วนใหญ่ดนตรีแจ๊สมักประกอบด้วยการบรรเลงจากการประพันธ์ประกอบด้วยการอิมโพรไวเซชัน  อย่างไรก็ตามการ  อิมโพรไวเซชันจัดเป็นเอกลักษณ์สำคัญของการบรรเลงดนตรีแจ๊ส  ปกติการอิมโพรไวเซชัน เกิดขึ้นโดยผู้บรรเลงดนตรีแปรเปลี่ยนทำนองหลักไปฉะนั้นรูปแบบของการบรรเลงจึงเป็น  ธึม  และ  แวริเอชัน  กล่าวคือการบรรเลงจะเสนอทำนองหลักก่อน  จากนั้นเครื่องดนตรีเดี่ยวบางชิ้นจะแปรเปลี่ยนทำนองโดยการอิมโพรไวเซชัน บางครั้งการแปรเปลี่ยนทำนองอาจเป็นการบรรเลงร่วมกันของเครื่องดนตรีเดี่ยวสองหรือสามชิ้น  แต่ละตอนของการแปรเปลี่ยนและทำนองหลักมีชื่อเรียกเฉพาะว่า  คอรัส  ( Chorus ) ดังนั้นเพลงนั้นอาจจะมี  4 - 5  ตอนหรือ  4 - 6  คอรัส  เป็นต้น  โดยตอนแรกเป็นการเสนอทำนองหลัก
         3.  จังหวะ  ทำนอง  และเสียงประสาน  จังหวะขัด  ( Syncopation ) และจังหวะสวิง  เป็นลักษณะจังหวะเด่นของดนตรีแจ๊ส  สวิง เกิดจากการบรรเลงจังหวะตบผนวกกับความรู้สึกเบาหรือลอย  ความมีพลังแต่ผ่อนคลายในที  และการรักษาจังหวะสม่ำเสมอ  โดยปกติ  เครื่องตี  เช่น  กลอง  ฉาบ  และ เบส  บรรเลงจังหวะ  อัตราจังหวะของเพลงแจ๊สมักจะเป็นกลุ่ม  4  จังหวะ  คือ  4/4  แต่จังหวะเน้นแทนที่จะลงด้วยจังหวะที่  1  และ  3  กลับลงจังหวะที่  2  และ  4   ส่วนจังหวะขัดจะลงหนักระหว่างจังหวะตบทั้งสี่  นอกจากนี้การบรรเลงจริง ๆ มักจะมีการยึดค่าตัวโน้ต  ไมได้ลงจังหวะตามที่เขียนเป็นโน้ตดนตรีเสียทีเดียว การบันทึกดนตรีแจ๊สเป็นโน้ตเพลงที่ถูกต้องจริง ๆ เป้นสิ่งที่กระทำได้ค่อนข้างยาก  ด้วยจังหวะการบรรเลงดังกล่าวนี้  ทำให้ผู้ฟังดนตรีมีความรู้สึกอยากเคลื่อนไหว  ยักย้าย  ไปตามจังหวะดนตรี
         ทำนองก็เช่นเดียวกับจังหวะ  มักมีการร้องให้เพี้ยนไปจากเสียงที่ควรจะเป็นตามบันไดเสียง เมเจอร์ หรือ ไมเนอร์  ที่แจ๊สใช้อยู่  เสียงเพี้ยนมักจะต่ำกว่าเสียงที่ควรจะเป็น  ปกติมักเกิดขึ้นในเสียง ตำแหน่งที่  3   5  และ  7  ของบันไดเสียง  ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า  เบนท์หรือบูลโน้ต  ( bent  or  blue  notes )  สำหรับเรื่องเสียงประสานแม้จะใช้หลักการตามดนตรีคลาสสิก  แต่ได้มีการพัฒนาการสร้าง คอร์ด แปลก ๆ การจัดเรียงของคอร์ดตามแนวทางของดนตรีแจ๊ส  ทำให้การประสานเสียงของดนตรีแจ๊สมีเอกลักษณะเฉพาะตัว
         ลักษณะของดนตรีแจ๊ส หลัง ค.ศ.  1950  มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมาก  เนื่องจากการพัฒนาไปของเครื่องดนตรีต่าง ๆ และแนวคิดของผู้สร้างสรรค์ดนตรีแจ๊ส  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจังหวะ  การประสานเสียง  รูปแบบ  และสีสัน  เช่น  มีการนำเครื่องดนตรีบางชนิดเข้ามาผสมวง  เช่น  ฟลูท  ฮอร์น  เชลโล  การใช้เสียงอีเลกทรอนิคส์  เปียโนไฟฟ้า  เป็นต้น  อีกทั้งยังก่อเกิดรูปแบบดนตรีแจ๊สใหม่ขึ้น  เช่น  ฟรีแจ๊ส  แจ๊สร๊อค  หรือ  ฟิวชั่นและคูลแจ๊ส
         อย่างไรก็ตาม  ไม่ว่ารูปแบบแจ๊สใหม่ ๆ จะเกิดขึ้น  ดนตรีแจ๊สในรูปแบบดั่งเดิม  เช่น  ดิกซีแลนด์  บีบอบ  บูลส์  ก็ยังอยู่และเป็นที่นิยมของผู้ฟังไม่เสื่อมคลายเช่นกัน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น