วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

เพลงjazz

 เพลงjazz 

                    

คอนเสิร์ต john scofield         
                         http://www.youtube.com/watch?                                                       v=uTtilMeCnPQ                     

คอนเสิร์ต john mayer

http://www.youtube.com/results?search_query=johe+may    

คอนเสิร์ต ray brown

http://www.youtube.com/results?search_query=ray+brown 

            

นักดนตรีjazz

นักดนตรี jazz

                                             John Mayer




        John Mayer เกิดเมื่อวันที่ 16ตุลาคม1777 ที่เมือง คอนเนทติกัน จบการศึกษาจากรั้วที่บ่งเพราะนักดนตรีชื่อดังของโลกหลายต่อหลายคนอย่าง Berklee College of Music Squares
เป็นศิลปินที่ผมชื่นชอบอย่างมาก John Mayer ได้ร่วมงานกับศิลปินระดับแถวหน้าหรือว่าระดับปรมาจารย์มาแล้วอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศิลปินบลูส์ระดับตำนานอย่าง BB King ,Eric Clapton ,Buddy Guy หรือจะเป็นสุดยอดมือกีตาร์ Jazz อย่าง John Scofield ,สุดยอดมือ Piano อย่าง Herbie Hancock ,John Fruscianteมือกีต้าร์ของวง Red Hot Chilli Pepper ,Derek Truck มือกีตาร์ที่สุดยอดอีกคน แล้วก็ยังมีวงรุ่นใหม่อย่าง Fall Out Boy รวมไปถึงศิลปินแนว Hip Hop อย่าง Jay-Z และ Nelly อีกด้วย และอื่นๆอีกมากมายครับ เห็นรายชื่อศิลปินที่เขาร่วมงานด้วยแล้วต้องบอกว่ามีฝีมือไม่ธรรมดาเลย
สิ่งที่ทำให้เขาไดัรับการยอมรับจากศิลปินเหล่านี้ต้องบอกว่าเป็นเพราะฝีมือของเขาจริงๆ เพลงของเขามีเพลงที่ไพเราะน่าฟังมากมาย และก็ประสบความสำเร็จได้รับรางวัลแกรมมี่สำหรับเพลงที่ผมชอบและอยากแนะนำให้ฟังก็เช่น Your Body Is a Wonderland ,Not Myself ,Neon ,Comfortable ,Daughters ,Why Georgia ,และที่ลืมไมได้ (เพลงของ John Mayerที่ชอบที่สุดเลยครับ) Waiting on The World to change ยังมีอีกมากมายเลยครับสำหรับเพลงที่น่าฟังของ John Mayer ลองหามาฟังกันดูครับ สำหรับคนที่ชอบเพลงแนว อคูสติก ป็อป ร็อก บลูส์ รับรองต้องชอบแน่นอนครับ งานเพลงฟังได้สบายสบาย
John Mayer นอกจากจะเป็นนักร้อง นักดนตรี แล้วยังเป็นนักแต่งเพลง รวมถึงเป็นนักเขียน และมีผลงานสแตนด์อัพคอเมดี้ทาง TV ด้วยครับ นอกจากความสามารถที่มากมายของเขาแล้ว ที่น่ายกย่องอีกอย่างคือการที่เขาใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม การลดภาวะโลกร้อน ด้วยครับ
สำหรับผู้ที่สนใจติดตามผลงานของ John Mayer เข้าไปที่เว็บไซท์หลักของเขาได้เลยครับ www.johnmayer.com มีข่าวคราวความเคลื่อนไหว ประวัติต่างๆของเขามากมายเลยครับ และข่าวล่าสุด John Mayer กำลังทำอัลบั้มชุดใหม่กับวงของเขา น่าจะได้ฟังกันเร็วๆนี้ครับ
ในอาชีพการเล่นดนตรีของผมก็มี John Mayer นี่แหละครับที่ผมถือว่าเป็นอาจารย์ทางด้านดนตรีและเป็นต้นแบบในการเล่นดนตรีของผม และวันหนึ่งผมก็อยากจะเล่นให้ได้สักครึ่งหนึ่งของเขาผมก็ภูมิใจแล้วหละครับ แต่ความจริงแล้วมันคงเป็นไปได้ยากมากนะครับ ว่ามั๊ย



                                        จิระศักดิ์ ปานพุ่ม











จิระศักดิ์ ปานพุ่ม (แมว) นักร้อง นักดนตรีชาวไทย เกิดวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 เป็นบุตรของนางปฏิชัย ปานพุ่ม มีพี่ชายคือศุภวัฒน์ ปานพุ่ม หรือ อริญญ์ (เล็ก วงทีโบน) และเป็นญาติกับ กำพล ปานพุ่ม นักร้องนำวงไอแซ็ก จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เดิมจิระศักดิ์นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ ต่อมาจิระศักดิ์ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ หลังจากสมรสกับภรรยาคนที่สอง

ด้านชีวิตครอบครัว จิระศักดิ์ เคยสมรสกับนิโคล เทริโอ เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2547 ที่โบสถ์อัสสัมชัญบางรัก มีบุตรชาย 1 คน ชื่อ อชิระ ปานพุ่ม หรือ ทิกเกอร์ (มีชื่อในการแสดงว่า อชิระ เทริโอ และได้เปลี่ยนนามสกุลจริงมาเป็น เทริโอ) และได้แยกทางกับนิโคลแล้ว

ปัจจุบันสมรสกับอาจารี ม่วงพลับ (ชื่อเล่น: แหนว) เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 [3] โดยพิธีการอย่างนิกายโปรเตสแตนต์ มีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ คุณธรรม ปานพุ่ม (ชื่อเล่น: แจ๊สเปอร์) โดยมีนิโคล เทริโอ อดีตภรรยาเป็นผู้ตั้งชื่อเล่นให้

เครื่องดนตรีjazz

เครื่องดนตรีjazz

   ดนตรีประเภทแจ๊สหรือตระกูลแจ๊สเกิดจากพวกทาสชาวนิโกร เมืองนิวออร์ลีน รัฐโอไฮโอ แถบฝั่งแม่น้ำมิสซิสซิปปีประเทศสหรัฐอเมริกาหลังจากที่พวกเขาเหล่านั้นได้ถูกใช้งานเยี่ยงทาส ชาวผิวดำต้องทำงานหนักและถูกกดขี่ข่มเหงจากชาวผิวขาวอย่างหนัก เมื่อมีเวลาว่างจากการทำงานก็มารวมกลุ่มกันร้องรำทำเพลง ใช้เครื่องดนตรีง่าย ๆ เพื่อให้หายเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน เป็นการผ่อนคลายอารมณ์ จึงเกิดเป็นดนตรีแจ๊สขึ้น ต่อมาได้รับความนิยมไปทั่วโลกและเกิดดนตรีแจ๊สขึ้นในหลายลักษณะ ได้แก่ บลูแจ๊ส (Blue Jazz) นิวออร์ลีนและดิ๊กซี่แลนด์สไตล์ (New Orlean and Dixieland Style) โมเดิ้ลสไตล์ (Modern Style) และป๊อปสไตล์ (Pop Style) เป็นต้น

             วงดนตรีสากลประเภทวงแจ๊ส เป็นวงดนตรีที่ใช้บรรเลงเพื่อความสนุกสนาน ตลอดจนใช้ประกอบการเต้นรำ ลีลาศ รำวง ส่วนบทเพลงที่ใช้บรรเลงมีทั้งบทเพลงประเภทบรรเลงโดยเฉพาะ และบทเพลงร้องทั่ว ๆ ไป เช่น เพลงแจ๊ส เพลงสากล เพลงไทยสากล เพลงไทยลูกทุ่ง เป็นต้น ส่วนเครื่องดนตรีที่ใช้จัดวงแจ๊สประกอบด้วย


                    1.1   เครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมไม้ (woodwind instruments) ได้แก่
1)         อีแฟลตอัลโตแซกโซโฟน (Eb Alto Saxophone)   2)   บีแฟลตเทเนอร์แซกโซโฟน (Bb Tenor Saxophone)
3)         อีแฟลตบราริโทนแซกโซโฟน (Eb Baritone Saxophone)  4)    บีแฟลตคลาริเนต (Bb Clarinet)
5)         ฟลุต (Flute)



                    1.2   เครื่องดนตรีประเภทเครื่องโลหะหรือพวกแตร ได้แก่
                             1)  บีแฟลตทรัมเป็ต (Bb Trumpet)
                             2)  สไลด์ทรอมโบน (Slide Trombone)
ทรัมเป็ต (Trumpet)
ทรอมโบน (Trombone)


                    1.3   เครื่องดนตรีประเภทเครื่องคีย์บอร์ด ได้แก่ เปียโน (Piano) หรือ ออร์แกน (Organ)
                                      เปียโน (Piano)                            ออร์แกน (Organ)




                    1.4   เครื่องดนตรีประเภทเครื่องไฟฟ้า ได้แก่ กีตาร์ไฟฟ้า กีตาร์เบสไฟฟ้า เปียโนหรือออร์แกนไฟฟ้า
                          กีตาร์ไฟฟ้า (Electric Guitar)        กีตาร์เบสไฟฟ้า (Bass Guitar)







                    1.5   เครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีหรือเครื่องประกอบจังหวะ ได้แก่ กลองชุด


ประวัติดนตรีแจ๊ส

ประวัติดนตรีแจ๊ส

         แจ๊ส (Jazz) เป็นลักษณะดนตรีชนิดหนึ่งที่พัฒนามาจากกลุ่มคนดำในสหรัฐอเมริกา (African Americans) ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยมีลักษณะพิเศษคือโน้ตบลูส์ การลัดจังหวะ จังหวะสวิง การโต้และตอบทางดนตรี และการเล่นสด โดยแจ๊สถือเป็นลักษณะดนตรีคลาสสิคชนิดหนึ่งของ  สหรัฐอเมริกา


ประวัติดนตรีแจ๊ส          ดนตรีแจ๊สมีต้นกำเนิดราวทศวรรษ 1920 โดยวงดนดรีวงแรกที่นำสำเนียงแจ๊สมาสู่ผู้ฟังหมู่มากคือ ดิ ออริจินัล ดิกซีแลนด์ แจ๊ส แบนด์ (The Original Dixieland Jazz Band: ODJB) ด้วยจังหวะเต้นรำที่แปลกใหม่ ทำให้โอดีเจบีเป็นที่กล่าวขวัญกันอย่างมาก พร้อมกับให้กำเนิดคำว่า "แจ๊ส" ตามชื่อวงดนตรี โอดีเจบีสามารถขายแผ่นได้ถึงล้านแผ่น
          รากลึกของแจ๊สนั้นมีมาจากเพลงบลูส์ (Blues)คนผิวดำที่เล่นเพลงบลูส์เหล่านี้เรียนรู้ดนตรีจากการฟังเป็นพื้นฐาน จึงเล่นดนตรีแบบถูกบ้างผิดบ้าง เพราะจำมาไม่ครบถ้วน มีการขยายความด้วยความพึงพอใจของตัวเองเป็นหลัก ซึ่งกลายเป็นที่มาของคีตปฏิภาณ (Improvisation)
          ในภายหลังดนตรีแร็กไทม์ (Ragtime) ก็เชื่อว่ามีต้นกำเนิดคล้ายๆ กันคือ เกิดจากดนตรียุโรปผสมกับจังหวะขัดของแอฟริกัน บลูส์และแร็กไทม์นี่เองที่เป็นรากของดนตรีแจ๊สในเวลาต่อมา
          เพลงบลูส์เริ่มได้รับความนิยมในช่วงเวลาเดียวกันกับแร็กไทม์ ปลายๆ ทศวรรษ 1910 เพลงบลูส์และแร็กไทม์ถูกผสมผสานจนกลมกลืนโดย บัดดี โบลเดน (Charles Joseph 'Buddy' Bolden) เป็นผู้ริเริ่ม หากแต่เวลานั้นยังไม่มีการประดิษฐ์คำว่าแจ๊สขึ้นมา และเรียกดนตรีเหล่านี้รวมๆ กันว่า "ฮ็อต มิวสิก" (Hot Music) จนกระทั่งโอดีเจบีโด่งดัง คำว่า แจ๊ส จึงเป็นคำที่ใช้เรียกขานกันทั่ว แจ๊สในยุคแรกนี้เรียกกันว่าเป็น แจ๊สดั้งเดิม หรือ นิวออร์ลีนส์แจ๊ส





ลักษณะของดนตรีjazz

ลักษณะของดนตรีjazz

 ดนตรีแจ๊สมีลักษณะแตกต่างกันไปหลายประเภท  เช่นเดียวกับดนตรีในศตวรรษที่  20  ซึ่งมีหลายรูปแบบดังกล่าวแล้ว  เป็นการยากที่จะกล่าวถึงลักษณะดนตรีแจ๊สให้ครบถ้วนเนื่องจากดนตรีแจ๊สมีหลายประเภท  สิ่งที่กล่าวต่อไปนี้เป็นเพียงลักษณะทั่ว ๆ ไปของดนตรีแจ๊ส  ในช่วง  ค.ศ.  1900 - 1950
       1.  สีสัน  ดนตรีแจ๊สมักบรรเลงด้วยวงขนาดเล็กประมาณ 3 - 8 คน  ที่เรียกว่าวงคอมโบหรือวงลักษณะใหญ่ขึ้นมาที่เรียกว่าบิกแบนด์  ซึ่งใช้นักดนตรีประมาณ  10 - 20  คนโครงสร้างสำคัญของการบรรเลงคือเครื่องทำจังหวะ  ซึ่งจะเล่นจังหวะในลักษณะเดียวกัน  บาสโซคอนตินิวโอ ของเพลงยุคบาโรค  ในส่วนนี้มักบรรเลงด้วยเปียโน  เบส  และครื่องสี  บางครั้งอาจมี บันโจ  หรือกีตาร์ด้วยเครื่องทำจังหวะเหล่านี้ช่วยทำให้การประสานเสียงน่าสนใจขึ้นด้วย  ดนตรีแจ๊สยุคใหม่มักจะมีผู้บรรเลงเครื่องทำจังหวะที่ใช้เครื่องดนตรีนานาชนิด  รวมทั้งมาใช้มือทำให้เกิดเสียงต่าง ๆ ด้วย  เครื่องดำเนินทำนองหรือเครื่องดนตรีที่ใช้แสดงความสามารถของผู้บรรเลงดนตรี  มักประกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมไม้และเครื่องลมทองเหลือง  ได้แก่  คอร์เนท  ทรัมเปท  แซกโซโฟน   โซปราโน  อัลโต  เทเนอร์  บาริโทน  คลาริเนท  ไวบราโฟน  และเปียโน  นอกจากนี้ยังใช้  มูท  ทำให้ได้สีสันของเสียงต่าง ๆ ออกไปอีก  แนวการบรรเลงเครื่องดนตรีเหล่านี้ของผู้บรรเลงแต่ละคนมักจะได้สีสันเฉพาะตัว  ยังให้ผู้ฟังเพลงประเภทแจ๊สทราบว่า  เพลงที่ฟังนั้นมีใครเป็นผู้บรรเลง  ซึ่งจะต่างไปจากดนตรีคลาสสิกที่ผู้บรรเลงพยายามบรรเลงให้ตรงตามความต้องการของผู้ประพันธ์เพลงหรือโน้ตที่ปรากฏอยู่  
        2.  การสร้างสรรค์แบบอิมโพรไวเซชัน  ลักษณะสำคัญประการหนึ่งของดนตรีแจ๊สคือการสร้างสรรค์แบบอิมโพรไวเซชัน  คือการคิดท่วงทำนอง  จังหวะ  หรือการประสานเสียงในขณะบรรเลง  อย่างไรก็ตาม  ดนตรีแจ๊สมิได้เกิดขึ้นโดยการสร้างสรรค์แบบอิมโพรไวเซชันทั้งหมด  ส่วนใหญ่ดนตรีแจ๊สมักประกอบด้วยการบรรเลงจากการประพันธ์ประกอบด้วยการอิมโพรไวเซชัน  อย่างไรก็ตามการ  อิมโพรไวเซชันจัดเป็นเอกลักษณ์สำคัญของการบรรเลงดนตรีแจ๊ส  ปกติการอิมโพรไวเซชัน เกิดขึ้นโดยผู้บรรเลงดนตรีแปรเปลี่ยนทำนองหลักไปฉะนั้นรูปแบบของการบรรเลงจึงเป็น  ธึม  และ  แวริเอชัน  กล่าวคือการบรรเลงจะเสนอทำนองหลักก่อน  จากนั้นเครื่องดนตรีเดี่ยวบางชิ้นจะแปรเปลี่ยนทำนองโดยการอิมโพรไวเซชัน บางครั้งการแปรเปลี่ยนทำนองอาจเป็นการบรรเลงร่วมกันของเครื่องดนตรีเดี่ยวสองหรือสามชิ้น  แต่ละตอนของการแปรเปลี่ยนและทำนองหลักมีชื่อเรียกเฉพาะว่า  คอรัส  ( Chorus ) ดังนั้นเพลงนั้นอาจจะมี  4 - 5  ตอนหรือ  4 - 6  คอรัส  เป็นต้น  โดยตอนแรกเป็นการเสนอทำนองหลัก
         3.  จังหวะ  ทำนอง  และเสียงประสาน  จังหวะขัด  ( Syncopation ) และจังหวะสวิง  เป็นลักษณะจังหวะเด่นของดนตรีแจ๊ส  สวิง เกิดจากการบรรเลงจังหวะตบผนวกกับความรู้สึกเบาหรือลอย  ความมีพลังแต่ผ่อนคลายในที  และการรักษาจังหวะสม่ำเสมอ  โดยปกติ  เครื่องตี  เช่น  กลอง  ฉาบ  และ เบส  บรรเลงจังหวะ  อัตราจังหวะของเพลงแจ๊สมักจะเป็นกลุ่ม  4  จังหวะ  คือ  4/4  แต่จังหวะเน้นแทนที่จะลงด้วยจังหวะที่  1  และ  3  กลับลงจังหวะที่  2  และ  4   ส่วนจังหวะขัดจะลงหนักระหว่างจังหวะตบทั้งสี่  นอกจากนี้การบรรเลงจริง ๆ มักจะมีการยึดค่าตัวโน้ต  ไมได้ลงจังหวะตามที่เขียนเป็นโน้ตดนตรีเสียทีเดียว การบันทึกดนตรีแจ๊สเป็นโน้ตเพลงที่ถูกต้องจริง ๆ เป้นสิ่งที่กระทำได้ค่อนข้างยาก  ด้วยจังหวะการบรรเลงดังกล่าวนี้  ทำให้ผู้ฟังดนตรีมีความรู้สึกอยากเคลื่อนไหว  ยักย้าย  ไปตามจังหวะดนตรี
         ทำนองก็เช่นเดียวกับจังหวะ  มักมีการร้องให้เพี้ยนไปจากเสียงที่ควรจะเป็นตามบันไดเสียง เมเจอร์ หรือ ไมเนอร์  ที่แจ๊สใช้อยู่  เสียงเพี้ยนมักจะต่ำกว่าเสียงที่ควรจะเป็น  ปกติมักเกิดขึ้นในเสียง ตำแหน่งที่  3   5  และ  7  ของบันไดเสียง  ลักษณะเช่นนี้เรียกว่า  เบนท์หรือบูลโน้ต  ( bent  or  blue  notes )  สำหรับเรื่องเสียงประสานแม้จะใช้หลักการตามดนตรีคลาสสิก  แต่ได้มีการพัฒนาการสร้าง คอร์ด แปลก ๆ การจัดเรียงของคอร์ดตามแนวทางของดนตรีแจ๊ส  ทำให้การประสานเสียงของดนตรีแจ๊สมีเอกลักษณะเฉพาะตัว
         ลักษณะของดนตรีแจ๊ส หลัง ค.ศ.  1950  มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมาก  เนื่องจากการพัฒนาไปของเครื่องดนตรีต่าง ๆ และแนวคิดของผู้สร้างสรรค์ดนตรีแจ๊ส  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจังหวะ  การประสานเสียง  รูปแบบ  และสีสัน  เช่น  มีการนำเครื่องดนตรีบางชนิดเข้ามาผสมวง  เช่น  ฟลูท  ฮอร์น  เชลโล  การใช้เสียงอีเลกทรอนิคส์  เปียโนไฟฟ้า  เป็นต้น  อีกทั้งยังก่อเกิดรูปแบบดนตรีแจ๊สใหม่ขึ้น  เช่น  ฟรีแจ๊ส  แจ๊สร๊อค  หรือ  ฟิวชั่นและคูลแจ๊ส
         อย่างไรก็ตาม  ไม่ว่ารูปแบบแจ๊สใหม่ ๆ จะเกิดขึ้น  ดนตรีแจ๊สในรูปแบบดั่งเดิม  เช่น  ดิกซีแลนด์  บีบอบ  บูลส์  ก็ยังอยู่และเป็นที่นิยมของผู้ฟังไม่เสื่อมคลายเช่นกัน